กองทุนความเสี่ยงต่ำ คืออะไร
กองทุนความเสี่ยงต่ำ คือ กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนเน้นไปในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนและความไม่แน่นอนต่ำ เป็นการลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการรักษาเงินต้นและสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว
กองทุนประเภทนี้มักจะลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้บริษัทเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง ตั๋วเงินคลัง หรือเงินฝากธนาคาร ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนัก แต่ก็มีความมั่นคงของเงินต้นและความสม่ำเสมอของรายได้
เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ที่โตช้าแต่ให้ร่มเงาที่แผ่กว้างและยืนต้นหยัดยาว กองทุนความเสี่ยงต่ำก็เช่นกัน แม้ผลตอบแทนอาจไม่งอกงามผลิดอกออกผลท่วมท้น แต่ก็เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่พะวงกับความผันผวนของสภาวะแวดล้อม พร้อมมอบความอุ่นใจและความมั่นคงให้กับผู้ลงทุนในระยะยาว
กองทุนเหล่านี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งอย่างช้าๆ แต่มั่นคง เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายระยะยาว เช่น เก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ วางแผนเพื่ออนาคตของลูกหลาน หรือผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยงและไม่อยากให้เงินต้นสูญหายไปกับความผันผวนของตลาด
กองทุนความเสี่ยงต่ำจึงเป็นดั่งสวนสวยที่เติบโตและส่งกลิ่นหอมอย่างสงบงามท่ามกลางสายลมแห่งความไม่แน่นอน เป็นที่พักใจให้กับผู้ที่แสวงหาความสงบและความมั่นคงในโลกแห่งการลงทุนที่ไม่หยุดนิ่งนี้
5 อันดับกองทุนความเสี่ยงต่ำ น่าสนใจ ปี 2024
กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น (Short-term Fixed Income Funds)
ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง และตราสารหนี้ระยะสั้นคุณภาพดี มีความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง
เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่เน้นความมั่นคงของเงินต้น ต้องการสภาพคล่องสูง และลงทุนระยะสั้น แต่ให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก อาจไม่คุ้มเงินเฟ้อในระยะยาว
ข้อดี
- ความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย
- สภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ง่าย
- ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
- ค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนประเภทอื่นๆ
- เหมาะสำหรับการลงทุนระยะสั้น 3-12 เดือน
ข้อเสีย
- ผลตอบแทนต่ำกว่ากองทุนความเสี่ยงปานกลางถึงสูง
- ผลตอบแทนอาจไม่สูงพอที่จะชนะอัตราเงินเฟ้อในระยะยาว
- ไม่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างความมั่งคั่ง
- มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร
- การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลต่อราคาตราสารหนี้
กองทุนตลาดเงิน (Money Market Funds)
ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นคุณภาพดีซึ่งมีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี มีความเสี่ยงต่ำมาก ให้ผลตอบแทนคงที่สม่ำเสมอ เหมาะสำหรับเก็บเงินระยะสั้น
เหมาะกับการพักเงินระยะสั้นเพื่อรอลงทุนต่อ มีความมั่นคงสูง แต่ให้ผลตอบแทนต่ำมาก ไม่เหมาะสำหรับการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
ข้อดี
- ความเสี่ยงต่ำมาก ใกล้เคียงการฝากเงิน
- สภาพคล่องสูงมาก ถอนเงินได้ทุกวันทำการ
- ผลตอบแทนคงที่สม่ำเสมอ ได้ผลตอบแทนทุกวัน
- ไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
- เหมาะกับการพักเงินระยะสั้นเพื่อรอลงทุนต่อ
ข้อเสีย
- ผลตอบแทนต่ำกว่าเงินฝากประจำและกองทุนอื่นๆ
- ไม่คุ้มค่าหากต้องการผลตอบแทนสูง
- ไม่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะปานกลางถึงระยะยาว
- มีค่าธรรมเนียมแม้จะต่ำ แต่กินผลตอบแทนจากดอกเบี้ยรายวัน
- ผลตอบแทนไม่เพียงพอที่จะสู้เงินเฟ้อในระยะยาว
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Funds)
ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ให้เช่าหรือขายสิทธิการเช่า เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ที่ดิน โรงแรม โดยมีรายได้จากค่าเช่าและกำไรจากการขายสิทธิในอสังหา มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ มั่นคงในระยะยาว
เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในอสังหาฯ ด้วยเงินทุนไม่มาก มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากค่าเช่าและส่วนต่างราคา แต่มีความเสี่ยงจากการขาดทุนเมื่ออสังหาฯ มูลค่าลดลง และมีสภาพคล่องต่ำ
ข้อดี
- มีความมั่นคงของรายได้จากการให้เช่าระยะยาว
- โอกาสได้รับส่วนต่างกำไรจากการขายอสังหาฯ เมื่อราคาสูงขึ้น
- กระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในอสังหาฯ หลายแห่ง
- ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น ได้รับยกเว้นภาษีเงินปันผล
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในอสังหาฯ แต่มีเงินทุนจำกัด
ข้อเสีย
- มีความเสี่ยงจากการขาดทุนเมื่ออสังหาฯ มีมูลค่าลดลง
- สภาพคล่องต่ำกว่ากองทุนตราสารทุน ใช้เวลาในการซื้อขายนานกว่า
- มีค่าธรรมเนียมสูง ทั้งค่าธรรมเนียมการจัดการและค่าใช้จ่ายในการบริหาร
- ผลตอบแทนอาจได้รับผลกระทบหากอัตราการเช่าพื้นที่ลดลง
- กองทุนมีขนาดเล็ก มีสภาพคล่องต่ำ อาจเสี่ยงต่อการเลิกกองทุน
กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Funds)
ลงทุนทั้งพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ภาคเอกชน ตราสารหนี้ต่างประเทศ บางส่วนลงทุนหุ้นได้ไม่เกิน 20% มีความเสี่ยงระดับต่ำถึงปานกลาง เหมาะแก่นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอระยะกลาง
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้บ้าง เน้นการสร้างรายได้สม่ำเสมอระยะปานกลาง แต่ให้ผลตอบแทนไม่สูงเท่ากองทุนตราสารทุนในระยะยาว และมีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
ข้อดี
- มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในตราสารทุน
- ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอจากดอกเบี้ยตราสารหนี้
- สามารถกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ได้หลากหลาย
- เหมาะสำหรับการลงทุนระยะปานกลาง 1-3 ปี
- มีสภาพคล่องสูงกว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์
ข้อเสีย
- ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนในตราสารทุนในระยะยาว
- มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
- มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร
- อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหากลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ
- ค่าธรรมเนียมสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
กองทุนผสม (Balanced Funds)
กระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก ทั้งในและต่างประเทศ ปรับสัดส่วนตามภาวะตลาด มีความเสี่ยงระดับปานกลาง เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้บ้าง แต่ต้องการกระจายความเสี่ยงในหลายสินทรัพย์
เหมาะกับนักลงทุนที่อยากได้ผลตอบแทนสูงขึ้นโดยรับความเสี่ยงปานกลาง ชอบความสะดวกในการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง แต่ต้องศึกษานโยบายของกองทุนและยอมรับความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
ข้อดี
- กระจายความเสี่ยงในการลงทุนหลายประเภททรัพย์สิน
- ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพช่วยบริหารเงินลงทุน
- โอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้
- เหมาะกับนักลงทุนที่อยากได้ผลตอบแทนสูงขึ้นโดยรับความเสี่ยงได้บ้าง
- สะดวกกว่าการลงทุนเองหลายประเภท
ข้อเสีย
- ความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้
- ผู้จัดการกองทุนอาจบริหารพอร์ตได้ไม่ดีเท่าที่คาดหวัง
- ค่าธรรมเนียมสูงกว่ากองทุนความเสี่ยงต่ำ
- ผลตอบแทนอาจผันผวนตามสภาวะตลาด
- ต้องใช้เวลาศึกษานโยบายการลงทุนของกองทุนให้เข้าใจ
ยกตัวอย่างการลงทุนในแต่ละกองทุน
สมมติให้นักลงทุนแต่ละคนมีเงินลงทุน 100,000 บาท และระยะเวลาการลงทุนตามที่เหมาะสมกับแต่ละกองทุน พร้อมทั้งคำนวณผลตอบแทนโดยประมาณ ดังนี้
- กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
- นาย ก. ลงทุน 100,000 บาท ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 1.5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี ผลตอบแทนที่ได้ = 100,000 x (1 + 0.015) = 101,500 บาท
- กองทุนตลาดเงิน
- นาย ข. ลงทุน 100,000 บาท ในกองทุนตลาดเงิน ซึ่งให้ผลตอบแทนร้อยละ 0.5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน ผลตอบแทนที่ได้ = 100,000 x (1 + 0.005)^0.5 = 100,250 บาท
- กองทุนอสังหาริมทรัพย์
- นาง ค. ลงทุน 100,000 บาท ในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งให้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเฉลี่ยร้อยละ 4 ต่อปี และคาดว่าราคาหน่วยลงทุนจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อปี
- ลงทุนเป็นระยะเวลา 5 ปี ผลตอบแทนที่ได้ = (100,000 x 0.04 x 5) + (100,000 x (1 + 0.02)^5) = 120,000 + 110,408 = 230,408 บาท
- กองทุนตราสารหนี้
- นาย ง. ลงทุน 100,000 บาท ในกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 2.5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี
ผลตอบแทนที่ได้ = 100,000 x (1 + 0.025)^2 = 105,063 บาท
- นาย ง. ลงทุน 100,000 บาท ในกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 2.5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี
- กองทุนผสม
- นาง จ. ลงทุน 100,000 บาท ในกองทุนผสม ซึ่งคาดว่าจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี ผลตอบแทนที่ได้ = 100,000 x (1 + 0.05)^3 = 115,763 บาท
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนที่คำนวณข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างประมาณการ ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและปัจจัยอื่นๆ ในอนาคต นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเสี่ยง ระยะเวลาลงทุน และเป้าหมายการลงทุนส่วนตัวประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย
การคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน มีสูตรที่ใช้กันทั่วไป ดังนี้
- สูตรการคำนวณดอกเบี้ยแบบง่าย (Simple Interest) FV = PV x (1 + (i x n)) โดยที่ FV = มูลค่าเงินลงทุน ณ วันสิ้นงวด (Future Value) PV = มูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้น (Present Value) i = อัตราผลตอบแทนต่องวด n = จำนวนงวดที่ลงทุน
- สูตรการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) FV = PV x (1 + i)^n โดยที่ FV = มูลค่าเงินลงทุน ณ วันสิ้นงวด (Future Value) PV = มูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้น (Present Value) i = อัตราผลตอบแทนต่องวด
n = จำนวนงวดที่ลงทุน
ในตัวอย่างข้างต้น ใช้สูตรดอกเบี้ยแบบง่ายสำหรับการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ระยะเวลา 1 ปี และใช้สูตรดอกเบี้ยทบต้นสำหรับการลงทุนระยะเวลา 6 เดือน ถึง 5 ปี ในกองทุนอื่นๆ เนื่องจากการคิดดอกเบี้ยทบต้นสะท้อนการสะสมของผลตอบแทนในแต่ละงวดมากกว่า
การคำนวณผลตอบแทนที่มีทั้งรายได้จากการปล่อยเช่าและส่วนต่างราคา เช่น กรณีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ จะแยกคำนวณแต่ละส่วน แล้วนำมารวมกันเพื่อหาผลตอบแทนรวมที่คาดว่าจะได้รับ
การคำนวณผลตอบแทนดังกล่าว เป็นเพียงประมาณการบนตัวเลขสมมติฐาน ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างจากที่คำนวณไว้ ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและปัจจัยต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
สรุป
กองทุนความเสี่ยงต่ำ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่นักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวน หรือในยามที่นักลงทุนต้องการสร้างฐานะการเงินที่มั่นคง กองทุนเหล่านี้เปรียบเสมือนที่พักพิงที่ปลอดภัย ให้ผลตอบแทนไม่สูงนักแต่มีเสถียรภาพ เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการก้าวเข้าสู่วงการลงทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือนักลงทุนสูงวัยที่ต้องการรักษาเงินต้นไว้ใช้ยามเกษียณ
กองทุนความเสี่ยงต่ำมีให้เลือกลงทุนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก แต่ละกองทุนมีกลยุทธ์การบริหารจัดการที่แตกต่างกันไป เพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหากองทุนเพื่อออมเงินระยะสั้นหรือพักเงินระหว่างรอลงทุนต่อ กองทุนตลาดเงินคือคำตอบที่ลงตัว ด้วยสภาพคล่องสูง ความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดอกเบี้ยเงินฝาก แต่มากกว่าเล็กน้อย ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการฝากเงินธรรมดา
กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป เป็นอีกทางเลือกในการสร้างรายได้จากดอกเบี้ยที่สม่ำเสมอ โดยมีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างคุ้มค่าหากลงทุนระยะ 1-3 ปี ให้ผลตอบแทนดีกว่ากองทุนตลาดเงิน แต่สภาพคล่องอาจด้อยกว่าเล็กน้อย
นอกจากนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นอีกตัวเลือกยอดนิยม สำหรับใครที่อยากลงทุนในอสังหาฯ แต่มีข้อจำกัดเรื่องเงินทุน กองทุนประเภทนี้ให้โอกาสเข้าถึงการลงทุนอสังหาฯ ด้วยเม็ดเงินไม่มาก ผ่านการถือหน่วยลงทุน โดยได้รับผลตอบแทนจากรายได้ค่าเช่าและส่วนต่างราคาเมื่อขายสินทรัพย์ แม้สภาพคล่องจะต่ำและมีความเสี่ยงบ้าง แต่ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าลองถือระยะยาว
สำหรับนักลงทุนที่พร้อมรับความเสี่ยงได้มากขึ้นเล็กน้อย แต่ต้องการกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ กองทุนผสมเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ให้โอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ แต่ยังอยู่ในระดับความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำ เป็นการลงทุนแบบครบเครื่องที่ผู้จัดการมืออาชีพช่วยดูแล เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มสัมผัสการลงทุนที่หลากหลายขึ้น
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเลือกลงทุนในกองทุนความเสี่ยงต่ำรูปแบบใด ก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละคน การศึกษาทำความเข้าใจกองทุนแต่ละประเภท พิจารณาจากผลการดำเนินงานในอดีต เปรียบเทียบนโยบายการลงทุน และกระจายลงทุนในหลายๆ กองทุน จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ ท่ามกลางความผันผวนของภาวะตลาด