5 โบรกเกอร์เทรด Gold CFD (gold forex) ดีที่สุดในไทย

Gold CFD(gold forex) คืออะไร

Gold CFD หรือ Contract for Difference สำหรับทองคำ คือเครื่องมือการลงทุนที่ให้นักลงทุนมีโอกาสได้กำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทองคำจริงๆ CFD เป็นสัญญาที่ทำระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายซึ่งกำหนดว่าผู้ซื้อจะจ่ายความแตกต่างระหว่างราคาปัจจุบันและราคาในอนาคตของทองคำให้กับผู้ขาย หรือผู้ขายจะจ่ายความแตกต่างนั้นให้กับผู้ซื้อ ขึ้นอยู่กับว่าราคาของทองคำเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด

การซื้อขาย Gold CFD มีความยืดหยุ่นสูง นักลงทุนสามารถเลือกทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้ทั้งในทิศทางขึ้นและลง นอกจากนี้ CFD ยังอนุญาตให้ใช้การเลเวอเรจ ซึ่งหมายความว่านักลงทุนสามารถเปิดตำแหน่งที่ใหญ่กว่าจำนวนเงินทุนที่พวกเขามีอยู่จริง การใช้เลเวอเรจสามารถเพิ่มกำไรได้มาก แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนเช่นกัน

สิ่งสำคัญที่ต้องจำเมื่อซื้อขาย Gold CFD คือมันไม่ใช่การลงทุนในทองคำจริงๆ แต่เป็นการลงทุนในการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำเท่านั้น ดังนั้น มันจึงไม่มีการจัดส่งทองคำจริงและไม่มีการถือครองทางกายภาพใดๆ นักลงทุนควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทองคำและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขาย Gold CFD.

Gold CFD ยังเป็นเครื่องมือที่สะท้อนถึงความเป็นสากลของตลาดทองคำ ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดทองคำได้จากทั่วทุกมุมโลกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความแตกต่างของเวลาหรือสถานที่ ด้วยความเข้าถึงที่สะดวกสบายนี้ นักลงทุนจึงสามารถตอบสนองต่อข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงิน สถานการณ์ทางการเมือง หรือแม้แต่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ Gold CFD ยังให้โอกาสในการจัดการความเสี่ยงและการวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการใช้ stop loss และ take profit orders เพื่อจำกัดความเสี่ยงและล็อกกำไร การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อทำนายทิศทางของราคาทองคำ ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าและออกจากตลาดได้ในจังหวะที่เหมาะสม

แต่ก็ต้องเน้นย้ำว่าการลงทุนใน Gold CFD มาพร้อมกับความเสี่ยงสูง ความผันผวนของราคาทองคำสามารถนำไปสู่กำไรหรือขาดทุนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจ เพราะฉะนั้น การศึกษาและการวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ การจัดการความเสี่ยงอย่างมีสติ และการมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องพิจารณาก่อนที่จะเริ่มต้นซื้อขาย Gold CFD

การเทรดทอง Gold CFD(gold forex)

การเทรดทองในตลาด Forex เป็นการซื้อขายทองคำในรูปแบบสินทรัพย์ CFD (Contract for Difference) ผ่านคู่สกุลเงิน XAUUSD หรือที่เรียกว่า Gold Spot โดยนักลงทุนสามารถเทรดด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำและทำกำไรได้ทั้งในช่วงที่ราคาขึ้นและลง

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองในตลาด Forex ได้แก่

  1. อุปสงค์และอุปทานของทองคำ
  2. ราคาน้ำมัน
  3. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
  4. นโยบายการเงินของธนาคารกลางและอัตราดอกเบี้ย
  5. ความเสี่ยงทางการเมืองและระบบการเงิน
  6. ข่าวเศรษฐกิจสำคัญจาก Forex Factory

เคล็ดลับในการเทรดทอง Forex คือ ควรติดตามข่าวจากธนาคารกลางโดยเฉพาะ FED วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินและเศรษฐกิจ ดูราคา High-Low ในอดีต และใช้อินดิเคเตอร์ช่วยวิเคราะห์กราฟ

การเลือกโบรกเกอร์ Forex เพื่อเทรดทองก็มีความสำคัญ โดยต้องพิจารณาจากความน่าเชื่อถือ ค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าสเปรด ค่าสวอป ความเร็วในการส่งคำสั่ง เลเวอเรจ เป็นต้น รวมถึงตรวจสอบใบอนุญาตของโบรกเกอร์ด้วย เพื่อให้การเทรดทองเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

5 โบรกเกอร์เทรด Gold CFD(gold forex) ดีที่สุดในไทย

IUX Markets

  • ก่อตั้งเมื่อปี 2016
  • ได้รับใบอนุญาตจาก M.I.S.A., FSCA, SVGFSA และจดทะเบียนกับ NFA
  • แพลตฟอร์ม: MT5, WebTrader และ IUX Markets App
  • ค่าสเปรด XAU/USD: ต่ำสุด 0.05 pips (บัญชี Raw) สูงสุด 2.2 pips (บัญชี Standard+)
  • ฝากเงินขั้นต่ำ: $10 – $500
  • ค่า Swap ทองคำ: 0 ทุกบัญชี
  • เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ CySEC ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำในยุโรป จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยของเงินทุน
  • มีสเปรดต่ำเริ่มต้นเพียง 0.1 pips สำหรับการเทรดคู่สกุลหลัก XAUUSD ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม
  • เงินฝากขั้นต่ำเริ่มต้นที่ $100 เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงเทรดเดอร์มืออาชีพ
  • มีบัญชีให้เลือกหลากหลายประเภท ได้แก่ บัญชี Micro, Premium และ VIP ซึ่งมีค่าสเปรดและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เหมาะกับการลงทุนในทุกรูปแบบ
  • รองรับแพลตฟอร์มการเทรดยอดนิยมอย่าง MT4 และ MT5 ซึ่งใช้งานง่าย มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
  • มีระบบ Negative Balance Protection ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ยอดเงินติดลบ แม้ในภาวะตลาดผันผวน จึงมีความเสี่ยงที่จำกัด เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีงบน้อย
  • เปิดโอกาสให้เทรดด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อทดสอบระบบและฝึกฝนทักษะการเทรด ก่อนลงทุนด้วยเงินจริง
  • มีฝ่ายบริการลูกค้าที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24/5 ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้งทางอีเมล แชทสด และโทรศัพท์

ข้อดี

  1. ค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ: นักลงทุนมักจะได้รับสเปรดและค่าคอมมิชชั่นที่แข่งขันได้.
  2. การเข้าถึงหลายตลาด: สามารถซื้อขายได้หลายสินค้าพื้นฐาน, ไม่จำกัดเพียง Forex.
  3. แพลตฟอร์มการซื้อขาย: เสนอแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ.
  4. เครื่องมือการวิเคราะห์: มีเครื่องมือและทรัพยากรการวิเคราะห์ตลาดที่มีประโยชน์.
  5. การศึกษาลูกค้า: มีทรัพยากรการเรียนรู้และการฝึกอบรมสำหรับนักลงทุน.

ข้อเสีย

  1. เว็บไซต์และข้อมูลบางส่วนอาจไม่เข้าถึงได้ง่าย: อาจมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ชัดเจนหรือยากต่อการค้นหา.
  2. ความหลากหลายของสินค้าอาจจำกัด: ในบางกรณี, อาจไม่เทียบเท่ากับโบรกเกอร์อื่นๆ.
  3. การสนับสนุนลูกค้า: อาจมีการรายงานถึงความล่าช้าในการตอบกลับหรือความช่วยเหลือ.
  4. เครื่องมือและเทคโนโลยี: บางแพลตฟอร์มหรือเครื่องมืออาจไม่ทันสมัยเท่าที่ควร.
  5. เงื่อนไขการถอนเงิน: อาจมีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้กระบวนการถอนเงินยุ่งยาก.

Pepperstone

  • ก่อตั้งเมื่อปี 2010
  • แพลตฟอร์ม: MT4 และ MT5
  • ค่าสเปรด XAU/USD: 2.0 pips ทั้งบัญชี Standard และ Razor
  • ฝากเงินขั้นต่ำ: $20
  • ค่า Swap ทองคำ: -0.77 pips
  • Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ Forex ชั้นนำของออสเตรเลีย ที่มีชื่อเสียงด้านสเปรดต่ำและความรวดเร็วในการดำเนินการ
  • มีตราสารให้เลือกเทรดที่หลากหลาย นอกจาก CFD ทองคำ (XAUUSD) แล้ว ยังมี Gold Futures ให้เทรดผ่านแพลตฟอร์ม MT5 ได้ด้วย เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการทั้งความยืดหยุ่นและสภาพคล่องสูง
  • สเปรดสำหรับการเทรดทองคำเริ่มต้นที่ 0.15 จุด ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่แคบมาก เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม
  • รองรับการเทรดทองคำได้หลายบัญชี ทั้ง Razor Account ที่เหมาะกับการเทรดเร็วและบ่อยครั้ง, Standard Account สำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป และ Swap Free Account สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกจ่ายค่า Swap
  • มี Leverage ในการเทรดทองคำสูงสุดถึง 1:500 ซึ่งมากกว่าโบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่ในตลาด ทำให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากเงินทุนได้อย่างคุ้มค่า
  • เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการเทรดทองคำ มีให้เลือกใช้อย่างครบครัน ทั้ง AutoChartist, Smart Trader Tools และ Trading Central ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น
  • เงินฝากเริ่มต้นเพียง 200 ดอลลาร์สหรัฐ และมีวิธีการฝากถอนที่สะดวก รวดเร็ว ทั้ง e-Wallet, บัตรเครดิต/เดบิต และการโอนผ่านธนาคาร
  • ให้บริการฝึกอบรมและคำแนะนำแบบตัวต่อตัวผ่านเจ้าหน้าที่มืออาชีพ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถพัฒนาทักษะการเทรดทองคำได้อย่างรวดเร็ว

ข้อดี

  1. สเปรดแคบ: เสนอสเปรดที่แคบมากสำหรับสินค้าหลัก, ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อขาย.
  2. การเข้าถึงตลาด: สามารถเข้าถึงตลาด Forex และ CFD หลายตลาด.
  3. เทคโนโลยีการซื้อขายสูง: ใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ทันสมัยและเชื่อถือได้.
  4. การสนับสนุนลูกค้า: มีการสนับสนุนลูกค้าหลายภาษาและรวดเร็ว.
  5. การศึกษาและทรัพยากร: มีทรัพยากรการศึกษาและวิเคราะห์ตลาดมากมาย.

ข้อเสีย

  1. เงินฝากขั้นต่ำ: สำหรับบางบัญชีอาจต้องการเงินฝากขั้นต่ำที่สูง.
  2. ค่าธรรมเนียมการถอน: อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการถอนเงินบางรูปแบบ.
  3. ความหลากหลายของสินค้า: อาจไม่มีบางสินค้าที่นักลงทุนสนใจ.
  4. โปรโมชั่นและโบนัส: อาจไม่เสนอโปรโมชั่นหรือโบนัสมากมายเหมือนโบรกเกอร์อื่นๆ.
  5. การเข้าถึงแพลตฟอร์ม: ในบางภูมิภาค, อาจมีการจำกัดการเข้าถึง.

Exness

  • ก่อตั้งเมื่อปี 2008
  • แพลตฟอร์ม: MT4, MT5 และ WebTrader
  • ค่าสเปรด XAU/USD: ต่ำสุด 0.06 pips (บัญชี Raw) สูงสุด 2.0 pips
  • ฝากเงินขั้นต่ำ: $10 – $1,000
  • ค่า Swap ทองคำ: -38.50 pips
  • มีค่า Spread ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ในตลาด โดยใช้ทศนิยม 3 ตำแหน่ง ซึ่งละเอียดกว่าโบรกเกอร์ทั่วไปที่ใช้เพียง 2 ตำแหน่ง
  • บัญชี Zero ให้ค่า Spread ต่ำสุด ตามมาด้วยบัญชี Raw Spread ซึ่งมีค่าใกล้เคียงกัน เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการต้นทุนต่ำ
  • เป็น 1 ใน 3 โบรกเกอร์ที่ให้ค่า Swap ในฝั่ง Short เป็นบวก ซึ่งถือเป็นการคิดค่า Swap ที่ถูกต้องตามหลักการ เนื่องจากโดยปกติแล้ว ค่า Swap ฝั่ง Short ของทองคำควรเป็นบวก ในขณะที่ฝั่ง Long จะเป็นลบ
  • ดังนั้น การให้ค่า Swap ที่ถูกต้องตามหลักการ เป็นอีกจุดเด่นของ Exness ที่ทำให้เหมาะกับการเทรดทองคำเป็นพิเศษ

ข้อดี

  1. ไม่มีค่าธรรมเนียมการถอนและฝากเงิน: เสนอการฝากและถอนเงินโดยไม่มีค่าธรรมเนียม.
  2. สเปรดต่ำ: สำหรับบางสินค้า, Exness เสนอสเปรดที่ต่ำมาก.
  3. การสนับสนุนลูกค้าตลอด 24/7: มีการสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยมและตลอดเวลา.
  4. เลเวอเรจสูง: นักลงทุนสามารถใช้เลเวอเรจได้สูง, ทำให้เพิ่มโอกาสในการทำกำไร.
  5. การเข้าถึงตลาด: สามารถเข้าถึง Forex และตลาด CFD ได้หลายตลาด.

ข้อเสีย

  1. ความซับซ้อนของบัญชี: มีหลายประเภทบัญชีที่อาจทำให้นักลงทุนใหม่สับสน.
  2. การระบุตัวตน: กระบวนการ KYC อาจใช้เวลาและซับซ้อน.
  3. ความเสี่ยงจากเลเวอเรจสูง: เลเวอเรจสูงอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการขาดทุนที่มากขึ้น.
  4. ความหลากหลายของสินค้า: อาจมีข้อจำกัดในบางสินค้าที่ไม่เสนอ.
  5. การเข้าถึงแพลตฟอร์ม: บางประเทศอาจมีการจำกัดการเข้าถึง Exness.

XM

  • ก่อตั้งเมื่อปี 2009
  • แพลตฟอร์ม: MT4, MT5 และ WebTrader
  • ค่าสเปรด XAU/USD: ต่ำสุด 1.3 pips สูงสุด 2.5 pips
  • ฝากเงินขั้นต่ำ: $5 ทุกบัญชี
  • ค่า Swap ทองคำ: -13.56 pips (ยกเว้นบัญชี Ultra Low ที่เป็น 0)

ข้อดี

  1. โบนัสและโปรโมชั่น: เสนอโบนัสต้อนรับและโปรโมชั่นอื่นๆ สำหรับนักลงทุน.
  2. การสนับสนุนลูกค้าหลายภาษา: ให้บริการลูกค้าในหลายภาษา.
  3. การศึกษาลูกค้า: มีทรัพยากรการศึกษามากมายเช่น เวบินาร์, สัมมนา, และวิดีโอ.
  4. ความหลากหลายของสินค้า: เสนอการซื้อขายใน Forex, หุ้น, ดัชนี, และสินค้าโภคภัณฑ์.
  5. เครื่องมือการซื้อขาย: มีเครื่องมือและแพลตฟอร์มการซื้อขายที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ.

ข้อเสีย

  1. เงินฝากขั้นต่ำ: บางบัญชีอาจต้องการเงินฝากขั้นต่ำ.
  2. การถอนเงิน: อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการถอนเงินในบางกรณี.
  3. สเปรด: สำหรับบางสินค้า, สเปรดอาจไม่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น.
  4. การจำกัดการเข้าถึง: บางประเทศอาจไม่สามารถเข้าถึง XM ได้.
  5. ความซับซ้อนของแพลตฟอร์ม: สำหรับนักลงทุนใหม่, บางแพลตฟอร์มอาจดูซับซ้อน.

IC Markets

  • ก่อตั้งเมื่อปี 2007
  • แพลตฟอร์ม: MT4, MT5 และ WebTrader
  • ค่าสเปรด XAU/USD: 4.1 – 4.4 pips
  • ฝากเงินขั้นต่ำ: $200
  • ค่า Swap ทองคำ: -3.20 pips

ข้อดี

  1. สเปรดต่ำ: เสนอสเปรดที่ต่ำสำหรับสินค้าหลัก, ลดค่าใช้จ่ายการซื้อขาย.
  2. เลเวอเรจสูง: สามารถใช้เลเวอเรจได้สูง, เพิ่มโอกาสในการทำกำไร.
  3. ไม่มีค่าธรรมเนียมการถอน: การถอนเงินไม่มีค่าธรรมเนียม.
  4. การเข้าถึงตลาด: เข้าถึง Forex, CFDs บนหุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, และพันธบัตร.
  5. เครื่องมือและแพลตฟอร์มการซื้อขาย: ใช้แพลตฟอร์ม MetaTrader 4, MetaTrader 5, และ cTrader ที่มีประสิทธิภาพ.

ข้อเสีย

  1. เงินฝากขั้นต่ำ: สำหรับบัญชี Raw Spread อาจมีเงินฝากขั้นต่ำ.
  2. ความซับซ้อนของบัญชี: มีหลายประเภทบัญชีที่อาจทำให้เกิดความสับสน.
  3. ค่าธรรมเนียมบางประเภท: อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับบริการหรือเครื่องมือบางอย่าง.
  4. โปรโมชั่นและโบนัส: อาจไม่มีโบนัสหรือโปรโมชั่นมากมายเหมือนโบรกเกอร์อื่น.
  5. การสนับสนุนลูกค้า: แม้จะมีความพยายามให้บริการดี แต่บางครั้งอาจพบปัญหาในการติดต่อหรือความช่วยเหลือ.