10 กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง?
ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันเช่นนี้ การมองหาโอกาสการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสดใส ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม สำหรับปี 2024 นี้ มีกลุ่มหุ้นที่น่าจับตามองและได้รับความสนใจเป็นพิเศษถึง 10 กลุ่มด้วยกัน ซึ่งแต่ละกลุ่มล้วนมีเสน่ห์และโอกาสทองที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1.หุ้นเทคโนโลยี AI จากการมาของเทคโนโลยี AI
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี AI ในปี 2024
- เทคโนโลยี AI กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ทั้งในแง่ของการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ และมูลค่าตลาดโดยรวม
- ด้วยศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้ความต้องการในเทคโนโลยี AI เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากหลากหลายอุตสาหกรรม
- บริษัทที่สามารถพัฒนาและใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในการนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีกว่า ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น และสร้างความภักดีในแบรนด์ในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการและราคาหุ้นในตลาด
- การลงทุนในหุ้น AI ถือเป็นการลงทุนในอนาคต ที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เพราะบริษัทเหล่านี้มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของอุตสาหกรรม AI โดยรวม
ข้อเสียและความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้น AI ปี 2024
- ตลาด AI ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดึงดูดให้ผู้เล่นทั้งรายเก่าและรายใหม่เข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น
- เทคโนโลยี AI ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น และมีประเด็นที่ต้องพิจารณาในแง่ของจริยธรรม ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว มีความไม่แน่นอนในเรื่องกฎระเบียบที่จะออกมาควบคุมอุตสาหกรรมนี้ในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุน รายได้ และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทใน sector นี้ได้
- การนำ AI ไปใช้ในบางอุตสาหกรรม เช่น สุขภาพ การเงิน หรือยานยนต์ ยังอยู่ในขั้นทดลอง และมีความเสี่ยงที่อาจเกิดความผิดพลาดหรือสร้างความเสียหายขึ้นได้
- หากมีกรณีร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ AI อาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจ และฉุดรั้งการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องโดยตรง
โอกาสในการเติบโตและผลตอบแทนที่น่าสนใจ
ในภาพรวมแล้ว อุตสาหกรรม AI มีแนวโน้มเติบโตสูงมากในระยะข้างหน้า โดยบริษัทวิจัยหลายแห่งประเมินว่า ตลาด AI จะขยายตัวเฉลี่ยถึง 30-40% ต่อปี จนมีมูลค่ารวมแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ซึ่งการเติบโตนี้จะมาจากการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น
- โดยบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีความพร้อมในการรุกตลาด AI เช่น ADVANC, INTUCH, TRUE น่าจะมีโอกาสได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีประชากรจำนวนมาก และมีการใช้อินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนสูง ซึ่งเหมาะแก่การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในรูปแบบต่างๆ เช่น บริการทางการเงิน e-commerce, บันเทิง หรือการดูแลสุขภาพ
- หากเลือกลงทุนในหุ้น AI ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และมีแผนธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรม จึงน่าจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด หรืออาจสูงถึง 15-20% ต่อปีในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า แต่ก็ต้องยอมรับความผันผวนระหว่างทางที่อาจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ
2.หุ้นกลุ่มยานต์ยนต์ รถไฟฟ้า
ความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2024
- อยู่ในช่วงขาขึ้นของวัฏจักรอุตสาหกรรม ได้แรงหนุนจากกระแสรักษ์โลกและนโยบายภาครัฐทั่วโลก
- มีโอกาสได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนมหาศาลตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญ ไปจนถึงผู้ประกอบยานยนต์ไฟฟ้า
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า
- มีศักยภาพเติบโตสูงจากหลายปัจจัยในระดับโลก เช่น กระแสรักษ์โลก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
- หุ้นไทยหลายตัวมีแผนลุยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า เช่น EA, GPSC, SAT, STANLY ซึ่งพร้อมรับอานิสงส์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้
ข้อเสียและความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า
- ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีความไม่แน่นอนสูง ทั้งในแง่การแข่งขัน ข้อจำกัดของเทคโนโลยี ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายของภาครัฐ
- ต้นทุนแบตเตอรี่ที่ยังสูงอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในระยะสั้นถึงกลาง
โอกาสการเติบโตและผลตอบแทนที่น่าสนใจ
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะช่วยแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ได้ดีขึ้นในอนาคต เช่น ปัญหาระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ, ความหนาแน่นของสถานีชาร์จ เป็นต้น
- หากการเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำอาจให้ผลตอบแทนถึง 15-20% ต่อปีในทศวรรษหน้า
3.หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน โซล่า
ความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน โดยเฉพาะโซลาร์ในปี 2024
- ได้รับแรงหนุนจากกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน ซึ่งผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง
- ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ลดลงอย่างมากจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์สามารถแข่งขันได้กับแหล่งพลังงานดั้งเดิม
- รัฐบาลในประเทศต่างๆ มีนโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น มาตรการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป สิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนได้เร็วขึ้น
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์
- เป็นธุรกิจที่มีเสถียรภาพของรายได้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวจากภาครัฐที่รับประกันความมั่นคงของกระแสเงินสด
- ความนิยมในการผลิตไฟฟ้าใช้เองด้วยระบบโซลาร์รูฟท็อปที่เพิ่มมากขึ้น
ข้อเสียและความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์
- เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงในช่วงแรก และอาจมีความเสี่ยงในการจัดหาแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินทุนด้วยต้นทุนต่ำ
- ยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐในการสนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะระบบ Adder หรือ FiT ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขได้ในอนาคต ซึ่งจะกระทบต่อผลตอบแทนโครงการ
โอกาสการเติบโตและผลตอบแทนจากการลงทุน
- ตลาดพลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ตามเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนของประเทศต่างๆ และการลดลงของต้นทุนเทคโนโลยี คาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15-20% ต่อปีในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า
- ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความได้เปรียบจากการประหยัดต่อขนาด มีเทคโนโลยีและบุคลากรเป็นของตัวเอง และมีความสามารถในการระดมทุนที่ดีกว่า จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากที่สุด และมีโอกาสให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด
4.หุ้นกลุ่มเกษตร เนื่องจากโลกร้อน
ความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มเกษตรจากปัญหาโลกร้อนในปี 2024
- ภาวะโลกร้อนทำให้สภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้ปริมาณและคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นจากอุปทานที่ลดลง
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นกลุ่มเกษตร
- การลงทุนในธุรกิจการเกษตรเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรมักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนโดยรวมได้
- ผลตอบแทนจากหุ้นเกษตรมีแนวโน้มสูงในระยะกลางถึงยาว หากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นตามการคาดการณ์ โดยผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือบริษัทที่มีธุรกิจครบวงจร ตั้งแต่การปลูก แปรรูป และส่งออก
- หุ้นในกลุ่มนี้มักมีความผันผวนต่ำกว่าตลาดโดยรวม เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นที่มีความต้องการค่อนข้างคงที่ในระยะยาว ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย
ข้อเสียและความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นกลุ่มเกษตร
- ธุรกิจการเกษตรมีความเสี่ยงจากสภาพอากาศและภัยธรรมชาติค่อนข้างมาก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณและคุณภาพของผลผลิต อาจทำให้รายได้และกำไรของบริษัทผันผวนตามไปด้วย
- เทคโนโลยีการเกษตรมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บริษัทที่ปรับตัวตามไม่ทันอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันได้
โอกาสการเติบโตและผลตอบแทนจากการลงทุน
- ธุรกิจการเกษตรมีโอกาสในการขยายตัวทั้งในแง่ของอุปสงค์และอุปทาน ตามการเพิ่มขึ้นของประชากรและความต้องการบริโภคที่ขยายตัวทั่วโลก
- อัตราการเติบโตของธุรกิจมักจะไม่สูงมากนัก โดยเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 5-10% ต่อปี ตามขีดจำกัดของพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตต่อไร่ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างจำกัด
- หุ้นไทยที่น่าสนใจ เช่น CPF ซึ่งมีธุรกิจครบวงจรในการผลิตอาหาร GFPT ที่เป็นผู้ผลิตไก่รายใหญ่ของไทย หรือ STA, UVAN ที่เป็นผู้ผลิตยางพาราและน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทย
5.หุ้นกลุ่มเครื่องเย็น เครื่องทำความเย็น
ข้อดีของหุ้นกลุ่มเครื่องเย็นและเครื่องทำความเย็น
- เป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน มีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนอย่างไทย ทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงและสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ
- ตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของที่อยู่อาศัยและการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวประชากร ส่งผลให้ความต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น
- บริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคยและเชื่อถือ มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน
ข้อเสียของหุ้นกลุ่มเครื่องเย็นและเครื่องทำความเย็น
- การแข่งขันในอุตสาหกรรมค่อนข้างรุนแรง ทั้งจากแบรนด์ในประเทศและแบรนด์ต่างชาติ อาจส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทลดลงได้ในบางช่วง
- ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและกำไรของบริษัท เนื่องจากวัตถุดิบหลายชนิดต้องพึ่งพาการนำเข้า
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและกระแสรักษ์โลก อาจทำให้ความต้องการเครื่องทำความเย็นบางประเภทลดลง หากไม่สามารถปรับตัวได้ทัน เช่น ตู้เย็นขนาดใหญ่อาจได้รับความนิยมน้อยลงในครอบครัวขนาดเล็ก
โอกาสการเติบโตและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ
- กลุ่มหุ้นเครื่องเย็นและเครื่องทำความเย็นน่าจะให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากเงินปันผล เนื่องจากมีกระแสเงินสดที่แน่นอนและมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง
- โอกาสในการสร้างผลกำไรจากการซื้อขายหุ้น (capital gain) อาจมีจำกัด เนื่องจากเป็นกลุ่มหุ้นที่มีอัตราการเติบโตไม่สูงมากนัก
6.หุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ (น้ำมัน ทองคำ จากความกังวลเรื่องความขัดแย้งในโลก)
ความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ (น้ำมัน ทองคำ) จากการวิเคราะห์ข้อมูลปี 2024
- ความขัดแย้งในโลกที่ยืดเยื้อ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันและทองคำปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนนิยมในยามวิกฤต
- นโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลางหลายแห่ง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
- แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังวิกฤตโควิด-19 และการกลับมาเปิดประเทศของจีน อาจช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมพลังงาน
ข้อดี
- หุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี หากราคาน้ำมันและทองคำปรับตัวสูงขึ้นตามคาด
- ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน เนื่องจากมักมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงข้ามกับสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ เช่น หุ้น
- เป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ โดยเฉพาะการลงทุนในทองคำ
ข้อเสีย
- ราคาหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์มีความผันผวนสูง ขึ้นอยู่กับปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนในตลาดโลก ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าการลงทุนลดลงมากในบางช่วง
- การคาดการณ์ทิศทางราคาค่อนข้างทำได้ยาก ต้องอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยที่ซับซ้อนหลายด้าน
- บางบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานอาจได้รับผลกระทบจากกระแสการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด
โอกาสการเติบโตและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ
- หากสถานการณ์ความขัดแย้งในโลกทวีความรุนแรงมากขึ้น ราคาน้ำมันและทองคำมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นมาก ส่งผลให้ผลตอบแทนของหุ้นในกลุ่มนี้เพิ่มสูงตามไปด้วย
- อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังมีโอกาสเติบโตได้ดีในระยะกลาง เนื่องจากความต้องการใช้พลังงานของโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศตลาดเกิดใหม่
- การลงทุนในหุ้นเหมืองทองคำชั้นนำที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ น่าจะให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ หากราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นตามการคาดการณ์
7.หุ้นกลุ่มประกันภัยประกันชีวิต จากรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ข้อดีของหุ้นกลุ่มประกันภัยและประกันชีวิตจากการเพิ่มขึ้นของรถไฟฟ้า
- การขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้า ช่วยเพิ่มการเดินทางและยอดผู้โดยสาร ซึ่งอาจส่งผลให้ธุรกิจประกันภัยรถยนต์มีเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้น
- รถไฟฟ้าช่วยให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น ผู้คนจึงมีเวลาว่างมากขึ้นในการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการวางแผนทางการเงินและการซื้อประกันชีวิตและสุขภาพเพิ่มเติม
ข้อเสียของหุ้นกลุ่มประกันภัยและประกันชีวิตจากการเพิ่มขึ้นของรถไฟฟ้า
- หากผู้คนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันภัยรถยนต์ในระยะยาว เนื่องจากความต้องการทำประกันภัยรถยนต์อาจลดลง
- การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดประกันภัยและประกันชีวิต อาจทำให้บางบริษัทต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือปรับลดเบี้ยประกันภัยลง เพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งอาจกดดันอัตรากำไรของบริษัท
- ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและนโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมประกันภัย ซึ่งอาจส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มนี้
โอกาสการเติบโตและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ
- การเติบโตของเมืองและชุมชนตามแนวรถไฟฟ้า ช่วยขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้จากเบี้ยประกันภัยในระยะยาว
- ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล ช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถเข้าถึงข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น นำไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
8.หุ้นขนส่งและ logistic จากการเติบโตของธรุกิจออนไลน์
ข้อดีของหุ้นกลุ่มขนส่งและลอจิสติกส์จากการเติบโตของธุรกิจออนไลน์
- ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของภาคพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) ซึ่งต้องอาศัยบริการขนส่งและจัดส่งสินค้าจำนวนมาก ทำให้บริษัทในกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตสูง
- รายได้ของธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ตามการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น
- บริษัทขนส่งและลอจิสติกส์บางแห่งมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุน เช่น ระบบติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในคลังสินค้า ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัท
ข้อเสียของหุ้นกลุ่มขนส่งและลอจิสติกส์จากการเติบโตของธุรกิจออนไลน์
- การแข่งขันในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทั้งจากผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่ที่เข้ามาในตลาด อาจส่งผลกดดันต่ออัตรากำไรของบริษัท โดยเฉพาะรายเล็กที่มีข้อจำกัดด้านเครือข่ายและเทคโนโลยี
- บริษัทขนส่งบางแห่งมีการพึ่งพิงรายได้จากลูกค้ารายใหญ่ เช่น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือผู้ค้าปลีกรายใหญ่ ซึ่งมีอำนาจต่อรองสูง
- หากสูญเสียลูกค้ากลุ่มนี้ไปอาจส่งผลกระทบมากต่อรายได้และผลประกอบการของบริษัท
- ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งและกำไรของบริษัท เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลักของการขนส่ง โดยเฉพาะการขนส่งทางบก
โอกาสการเติบโตและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ
- บริษัทขนส่งและลอจิสติกส์ที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ มีระบบการจัดการคลังสินค้าและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นและขยายฐานลูกค้าได้มากกว่าคู่แข่ง
- หากสามารถคัดเลือกหุ้นในกลุ่มที่มีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันและมีผลประกอบการเติบโตโดดเด่น อาจให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ทั้งในรูปกำไรจากการซื้อขาย (capital gain) และเงินปันผล อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นอาจมีความผันผวนสูงเป็นช่วงๆตามวัฏจักรของภาวะเศรษฐกิจ จึงต้องติดตามใกล้ชิด
9.หุ้นชิ้นส่วนอีเล็กทรอนิกส์ จากการเติบโตของตลาด AI มือถือ
ข้อดีของหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากการเติบโตของตลาด AI และสมาร์ทโฟน
- การพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้สมาร์ทโฟนมีความสามารถใหม่ๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น กล้องที่ถ่ายรูปสวยขึ้น ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยใบหน้า และ AI assistant ซึ่งต้องอาศัยชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน
- บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนบางรายมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมีเทคโนโลยีที่โดดเด่น จึงมีโอกาสได้รับคำสั่งซื้อจากแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำ เช่น Apple, Samsung ฯลฯ ซึ่งมียอดขายจำนวนมาก
ข้อเสียของหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- เป็นธุรกิจที่มีวงจรขึ้นลงตามกระแสความนิยมของผลิตภัณฑ์ใหม่ หากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่มียอดขายต่ำกว่าคาด อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนได้
- การแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูง ทั้งจากผู้ผลิตจีนและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่หันมาพัฒนาชิ้นส่วนด้วยตัวเอง หากบริษัทไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆออกสู่ตลาดได้ทัน อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันได้
- ขึ้นอยู่กับเทรนด์เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน หากเกิดการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนเดิมปรับตัวไม่ทันและกระทบต่อรายได้และผลกำไรได้
โอกาสการเติบโตและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ
- ตลาดสมาร์ทโฟนระดับบนและระดับกลางน่าจะยังคงเติบโตได้ดีในระยะข้างหน้า ตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งจะหนุนความต้องการชิ้นส่วนที่มีคุณภาพและมีมูลค่าเพิ่มสูง
- บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างนวัตกรรมได้ด้วยตัวเอง มีโอกาสทำกำไรได้สูงกว่าคู่แข่ง และน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนในระยะยาว หากราคาหุ้นไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากเกินไปแล้ว
- ผลตอบแทนของหุ้นในกลุ่มนี้อาจมีความผันผวนสูง ตามวัฎจักรขึ้นลงของอุตสาหกรรม นักลงทุนจึงต้องติดตามภาวะการแข่งขัน เทคโนโลยีใหม่ๆ และผลประกอบการของบริษัทอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม
10.หุ้นเงินทุนแหละหลักทรัพย์จากการเติบโตของตลาด หลังไทยเงียบมานาน และการเติบโตอุตสาหกรรมคริปโต
ข้อดีของหุ้นกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์จากการเติบโตของตลาดหุ้นไทยและอุตสาหกรรมคริปโต
- หลังจากตลาดหุ้นไทยซบเซามาหลายปี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุน อาจทำให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นและรายได้จากค่านายหน้าของบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น
- การเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี่ ทำให้มีความต้องการใช้บริการนายหน้าซื้อขายและระบบเทรดมากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทหลักทรัพย์ที่มีโบรกเกอร์คริปโต
ข้อเสียของหุ้นกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์
- รายได้และกำไรของธุรกิจเป็นวัฏจักรตามภาวะตลาดทุน ในช่วงที่ตลาดผันผวนหรือซบเซา รายได้จากค่านายหน้าซื้อขายก็มักจะลดลงตามไปด้วย
- การแข่งขันในธุรกิจค่อนข้างสูง ทั้งจากบริษัทหลักทรัพย์ขนาดใหญ่และผู้เล่นรายใหม่ที่เป็น fintech startup ทำให้บริษัทต้องลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีและบริการอยู่เสมอ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
- ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและการเข้ามากำกับดูแลของภาครัฐที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในด้านธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นและความสามารถในการทำกำไรลดลง
โอกาสการเติบโตและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ
- แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อาจทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมักมีมูลค่าพอร์ตลงทุนสูง ส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทหลักทรัพย์
- ด้วยจุดแข็งในการวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำบางแห่งมีโอกาสขยายไปสู่ธุรกิจการจัดการสินทรัพย์และกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งมีอัตรากำไรสูงและสร้างรายได้ประจำ